วันเสาร์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

แนะนำพระสมเด็จ

ในส่วนของพระเครื่องส่วนใหญ่แล้วจะคงเป็นพระกรุเสียมากกว่า เพราะผมเป็นคนชอบพระกรุเก่าๆตั้งแต่ครั้งโบราณกาลที่มีอายุหลายร้อยปี ยิ่งเป็นพระพิมพ์ยืนหรือพิมพ์ลีลาด้วยแล้วชอบมาก จรดกล้องส่องลงครั้งใดให้หวลคิดคำนึงถึงครูบาอาจารย์แต่ครั้งอดีตกาล โอท่านช่างสรรสร้างพระพิมพ์ที่มีความงดงามอ่อนช้อย ทั้งพระพุทธคุณก็เข้มขลังเพราะคนในยุคก่อนนั้นไม่มีพุทธพาณิชย์มีแต่สัจจะวาจาที่ยึดมั่นมิได้หวังในเงินทอง มุ่งหวังให้คนรุ่นหลังได้เข้าถึงในพระรัตนตรัย มีพระเครื่องผูกคอไว้ยามเดินทางรอนแรมก็นำพระออกมาวางเคารพนพไหว้ลำลึกถึงพระพุทธคุณในยามก่อนจะหลับล้มตัวลงนอน แล้วให้สุขใจเป็นยิ่งนักเพราะในการรอนแรมไปในต่างเมืองในยุคนั้นเต็มไปด้วยภยันตราย สิงห์สาราสัตว์และอรสรพิษ หากได้สิ้นชีพลงไปในขณะจิตได้ยึดมั่นในพระรัตนตรัยแล้วอย่างน้อยสุดนี้ ก็ไม่ตกลงอบายภูมิแล้วละ ยามส่องกล้องลงดูองค์พระคราใดก็สุขใจยิ่งนักครูบาอาจารย์นี่ท่านคงมีญาณที่เรียกว่าอนาคตังสญาณ ญาณหยั่งรู้อนาคตเป็นแน่

ส่วนความรู้ในเรื่องของพระสมเด็จวัดระฆัง ในความเห็นส่วนตัวแล้วไม่ยึดติดในแบบพิมพ์ของหลวงวิจารณ์ เพราะผมมีความเชื่อมั่นว่าสมเด็จโตท่านมีชีวิตอยู่ถึง ห้าแผ่นดิน เป็นไปไม่ได้ที่จะมีพระพิมพ์เพียงแค่หลวงวิจารย์เท่านี้ นอกพิมพ์นี้เก๊หรือทุกท่านที่ได้อ่านแล้วคิดอย่างไร ส่วนตัวแล้วผู้ใดจะวิจารณ์อย่างไรไม่สน เฉย เฉยลูกเดียว ของที่หลุดออกมาแล้วได้เช่าหากันในราคาถูกๆนั้นก็เลยมีให้ชมกันอยู่ทุกวันนี้ เชื่อเถอะต้องมีพระพิมพ์ที่ไม่ใช่แต่ของหลวงวิจารณ์แต่อย่างเดียว แบ่งพระสมเด็จวัดระฆังออกเป็น 3ยุค คือ 1.ยุคต้น (ร.2-ร.3 ) 2.ยุคกลาง (ร.3-ร.4) 3.ยุคปลาย (ร.4-ร.5) พระสมเด็จที่ท่านทำขึ้นมาด้วยกรรมวิธีที่พิถีพิถัน ใช้เวลานานและยากลำบากและด้วยความตั้งใจที่แน่วแน่ สร้างขึ้นมาหลายหลายองค์แล้วถูกกำหนดว่า ใช้ได้เพียงพิมพ์ที่นิยมเพียงไม่กี่องค์มันไม่ถูกต้อง ท่านทั้งหลายลองศึกษาจากตำราหลายๆเล่มอย่ายึดมั่นแต่ตำราเพียงเล่มเดียว ศึกษาแล้วใช้วิจารณาญาณส่วนตัวดู ผมขอยกตัวอย่างหนังสือ ทีเด็ดพระสมเด็จ ของท่านอาจารย์ พน นิลผึ้ง ค้นคว้าและเรียบเรียงไว้ถูกใจมาก เนื้อหากว้างขวางข้อมูลไม่คับแคบจนทำให้พระสมเด็จของสมเด็จโตต้องถูกทิ้งขว้างวางเฉย ไม่ได้ถูกนำมาใช้บูชาให้เกิดประโยชน์

ข้อมูลต่อไปนี้คัดลอกมาจากหนังสือ ทีเด็ดพระสมเด็จ ของอาจารย์พน นิลผึ้ง มาเพียงส่วนเดียว

พระสมเด็จทำมาจากอะไรบ้าง

การสร้างพระสมเด็จของพระพุฒาจารย์โต พระหมรังสี ท่านใช้ส่วนประกอบขององค์พระมากมายหลายอย่าง มีทั้งผงวิเศษ หรือผงสมเด็จ หรือผงกฤติยาคม เกษรดอกไม้ร้อยแปดชนิด ว่านยาและว่านมงคล สมุนไพรต่างๆ อัญมณี แร่ธาตุ พระธาตุ พระเก่าโบราณ ของวิเศษที่เป็นมงคล ก้านธูปบูชาพระรัตนตรัย ไม้มงคล ดินโป่ง หินเปลือกหอย ผลไม้ กระยาหาร ข้าวหอม ไคลเสมาไคลเสาตะลุงช้างเผือก ดินสอพอง ปูนตายซาก หมุดเงินทอง ทรายเงินทรายทอง ใบลาน น้ำอ้อย ยางไม้ น้ำมันตังอิ๊ว ผงตะไบพระทอง และของที่เหลือใช้อย่างอื่นอีก

การทำพระสมเด็จของท่านสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี ท่านมีวิธีการทำดังนี้

ขั้นที่1 ท่านเอาดินสอพองจากลพบุรีถือว่าเป็นดินที่ขาวบริสุทธิ์ เอามาร่อนแยกเอาสิ่งแปลกปลอมออกจากดินสอพอง ให้เหลือแต่ดินสอพองบริสุทธิ์ ปั้นเป็นท่อนพอหมาดแล้วตัดเป็นแผ่นบางๆตากแดดให้แห้งสนิท

ขั้นที่2 เอาดินสอพองที่หั่นตากแดดแห้งสนิทแล้วเอามาบดให้เป็นผงละเอยดเอาไปตากแดดให้แห้งสนิทอีกครั้ง แล้วแยกผงแป้งดินสอพองออกไปบรรจุใส่บาตร 5 บาตรเท่าๆกัน

ขั้นที่3 เอาดินสอพองในบาตรที่หนึ่ง บริกรรมบรรจุด้วยคาถาบท อิธเจ บาตรที่2 บริกรรมประจุด้วยคาถาบท ตรีนิสิงเห บาตรที่3 บริกรรมปรุด้วยคาถาบท ปัทมัง บาตรที่4 บริกรรมประจุด้วยคาถาบทมหาราช และบาตรที่5 บริกรรมประจุด้วยคาถาบทพุทธคุณ ท่านบริกรรมประจุด้วยคาถาทั้ง 5 บท แต่ละบาตรอยู่ตลอดเวลาด้วยตัวท่านเอง จนเห็นว่าขัลงเพียงพอ

ขั้นที่4 เอาผงทั้ง 5 อย่าง 5 บาตรมารวมกันใส่ในบาตรใหญ่ 1 บาตร แล้วกำกับด้วยคาถา ทั้ง 5 บท อิธเจ - ตรีนิสิงเห - ปัทถมัง - มหาราช - พุทธคุณ พร้อมกันในบาตรใหญ่ เรื่องการบริกรรมคาถาทั้ง 5 บทพร้อมกันนี้ อาจารย์มงคลเล่าว่า ผู้ทำได้จะต้องมีจิตสมาธิแข็งกล้าจริงๆ ไม่เช่นนั้นจะทำให้จิตแตกกลายเป็นบ้าไปได้ บุคคลหรือพระที่ทำได้ในโลกนี้ก็มีเพียงสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี แต่เพียงองค์เดียวเท่านั้น จึงทำให้ผง กฤติยาคมของท่านขลังยิ่งนัก

ขั้นที่5 เอายอดไม้มงคลเช่นยอดตำลึง - ยอดสุดสวาท - ยอดและดอกรักซ้อน - ยอดกาหลง - ยอดทองพันชั่ง - ราชพฤกษ์ - กระแจตะนาว - ยอดใบเงิน - ทอง - นากและอื่นๆอีก เอามาตำให้แหลกละเอียดเอาน้ำพุทธมนต์ 7 บ่อ 7 รสผสมลงไปแล้วตั้นเอาแต่นำไปผสมผง 5 อย่าง แล้วปั้นเป็นแท่งชอล์คเอาไว้เขียนเลขยันต์ เรียกว่าดินสอมหาชัย

ขั้นที่6 เอาดินสอมหาชัยไปเขียนเลขยันต์บนกระดาน แล้วลบเลขยันต์เก็บเอาผงชอล์คหรือดินสอมหาชัย ไว้เอาไปผสมน้ำคั้นยอดไม้มงคลปั้นเป็นแท่งดินสอมหาชัยใหม่ตากให้แห้ง แล้วนำมาเขียนเลขยันต์ในกระดานแล้วลบเลขยันต์เอาผงไปผสมน้ำคั้นยอดไม้มงคลอีก นำมาปั้นเป็นดินสอมหาชัย แล้วเอาไปเขียนเลขยันต์ทำอยู่อย่างนั้นหลายร้อยคาบ หลายร้อยครั้ง จนสุดท้ายผงจากดินสอมหาชัยที่มียางยอดไม้ผสมจะเกาะเป็นเม็ดกลมเวลาเขียนจะร่วนออกมาเป็นเม็ดๆเล็กๆสีขาวขุ่นๆแข็งแกร่งมาก เม็ดผงนี่แหละเรียกว่า ผงสมเด็จหรือกฤติยาคม

ขั้นที่7 ท่านเอาผงกฤติยาคมไปบรรจุไว้ในบาตรและบริกรรมพระคาถาดังกล่าวมาแล้วกำกับตลอดทุกวัน เป็นเวลานานๆ จนท่านมั่นใจว่าขลังดีแล้ว จึงเอามาผสมเนื้อพระและมวลสารอื่นตำผสมทำเป็นเนื้อพระเอาไปพิมพ์พระต่อไป

ท่านทั้งหลายเมื่ออ่านดูวิธีการทำของสมเด็จโตแล้วรู้สึกอย่างไรบ้าง ส่วนตัวผมเองรู้สึกถึงคุณค่าของพระแต่ละองค์ว่าได้มาด้วยความยากลำบาก จะถูกทอดทิ้งไปโดยไร้คุณค่าเนื่องจากการรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ลองหาหนังสือ ทีเด็ดพระสมเด็ด ของอาจารย์ พน นิลผึ้ง มาศึกษากันดู มีข้อมูลอีกมากมายกว้างดี ใจไม่แคบ แล้วใช้วิจารณาญาณดูว่าเป็นไปได้ไหมท่านมีชีวิตอยู่ถึงห้าแผ่นดิน แต่ถูกจำกัดพิมพ์พระแค่หลวงวิจารณ์เท่านั้น นอกพิมพ์นี้เก๊ ท่านอุตส่าห์ทำมาด้วยความยากลำบากแต่ไม่ถูกใช้ประโยชน์ให้เต็มที่มันผิดอยู่นะ ผมเองไม่ได้ต้องการดึงราคาพระนอกพิมพ์ให้มีราคาสูงขึ้นแต่อย่างใด เพียงต้องการให้พระของท่านใช้ประโยชน์ได้เต็ม ไม่ใช่ใช้ได้เพียงส่วนเดียวอีกส่วนเก๊ ดังนั้นท่านทั้งหลายที่มีพระสมเด็จที่พิมพ์ไม่เหมือนของหลวงวิจารณ์ แล้วละก็อย่าเพิ่งทิ้งขว้างใจเย็นๆค่อยๆศึกษาดูก่อนด้วยตัวเอง เขาเรียนจบปริญญาได้เราก็ต้องทำได้ คนอีสานพูดว่า คนคื๊อกั้น ไม่เห็นเขาจะมีสามหรือ สี่ตาเลย เราจะได้มีพระสมเด็จไว้บูชากราบไหว้แบบสุดรักสุดหวงแหนกัน ในราคาที่ไม่ต้องไปเสียเงินกันเป็นแสนเป็นล้าน

2 ความคิดเห็น:

  1. สาธุ ขอให้ความสุขความเจริญจงเกิดแก่ทุกๆคนเทอญ

    ตอบลบ
  2. อาตมาก็อนุโมทนาสาธุกับความคิดนี้ แต่เสริมสักนิด ผงปูนต้องสกัดจากเปลือกหอย ด้วยนะ เพราะเนื้อพระของหลวงปู่ท่านมีเปลือกหอยอยู่ด้วย

    ตอบลบ